วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2550

ผลวิจัย เกี่ยวกับ โรงเรียนกวดวิชา ในปัจจุบัน

จากที่ได้สำรวจกลุ่มตัวอย่าง น้องๆมอปลายประมาณ 800 คน
หัวข้อเกี่ยวกับ โรงเรียนกวดวิชาในปัจจุบัน
ผล Vote แยกให้ตามรายวิชา โดยคิดเป็น %
วิชาเคมี
1. อาจารย์อุ๊ 92%
2. อาจารย์สำราญ 2.6%
3. อาจารย์บัวแก้ว 2.2%
4. อื่นๆ 3.2%

วิชาคณิตศาสตร์
1. The Brain 26%
2. พี่ต้อม(อาจารย์เศรษฐกาณต์) ที่ Eureka 22.7%
3. อาจารย์อรรณพ 22%
4. Sup-K 18%
5. อาจารย์สมัย 9.3%
6. อื่นๆ ประมาณ 2%

วิชาฟิสิกส์
1. Applied PhySics 38%
2. Neo Physics 29%
3. Ideal Physics 12%
4. อาจารย์ธวัชชัย 13%
5. อื่นๆ 8%

วิชาชีวะวิทยา
1. อาจารย์เอกฤทธิ์ 42%
2. อาจารย์สมาน 39%
3. หมอพิชญ์ 19%

วิชาภาษาอังกฤษ
1. อาจารย์สมศรี 28%
2. Access 22%
3. Enconcept 21%
4. อาจารย์ดวงใจ 19%
5. อื่นๆ 10%

วิชาภาษไทย
1. Da'Vance อาจารย์ปิง 42%
2. อาจารย์ ลิลลี่ 37%
3. อาจารย์ธเนศ 11%
4. อื่นๆ 10%

วิชาสังคม
1. Da'Vance อาจารย์ปิง 67%
2. ครูป็อบ 21%
3. อื่นๆ 11%

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2550

เนื้อเพลง: And I'm Telling You I'm Not Going

And I am telling you I'm not going.
You're the best man I'll ever know.
There's no way I can ever go,
No, no, no, no way,
No, no, no, no way I
'm livin' without you.
I'm not livin' without you.
I don't want to be free.
I'm stayin', I'm stayin',
And you, and you, you're gonna love me.
Ooh, you're gonna love me.

And I am telling you I'm not going,
Even though the rough times are showing.
There's just no way,
There's no way.
We're part of the same place.
We're part of the same time.
We both share the same blood.
We both have the same mind.
And time and time we have so much to share
, No, no, no,
No, no, no,
I'm not wakin' up tomorrow mornin'
And findin' that
there's nobody there.

Darling, there's no way,
No, no, no, no way I'm livin' without you.
I'm not livin' without you.
You see, there's just no way,
There's no way.
Tear down the mountains,
Yell, scream and shout.
You can say what you want,
I'm not walkin' out.
Stop all the rivers,
Push, strike, and kill.
I'm not gonna leave you,
There's no way I will.

And I am telling you I'm not going.
You're the best man I'll ever know.
There's no way I can ever,
ever go, No, no, no, no way,
No, no, no, no way I'm livin' without you.
Oh, I'm not livin' without you,
I'm not livin' without you.
I don't wanna be free.
I'm stayin', I'm stayin',
And you, and you,
You're gonna love me.
Oh, hey, you're gonna love me,
Yes, ah, ooh, ooh, love me,
Ooh, ooh, ooh, love me,
Love me,
Love me, Love me,
Love me.
You're gonna love me.

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2550

Poupée russe


La poupée russe ou matriochka (матрёшка en russe) est une petite poupée gigogne traditionnellement fabriquée en bois. Autrement dit, c'est un emboîtement de plusieurs poupées de tailles successives, la plus volumineuse contenant toutes les autres poupées, parfois plus d'une dizaine.

En français, la version féminine est appelée babouchka (бабушка en russe) qui veut dire « grand-mère » alors que la version masculine est appelée dedouchka (дедушка) qui veut dire « grand-père ». Ces termes ne sont pas utilisés en russe.

Cette tradition russe du XIXe siècle serait d'origine japonaise, inspirée par l'imagerie du dieu Fukuruma, du panthéon bouddhiste, représenté par une figurine enchassée dans d'autres plus grandes à l'identique. Ces poupées sont un symbole de fertilité.

Ces poupées ont été introduites en France lors de l'exposition universelle de Paris de 1900.


คำศัพท์
dizaine [ดีแซน(เนอ)] (nf.) =ประมาณสิบ
autre [โอต (เตรอ)] 1. (a.) (pr.) =อันอื่น,คนอื่น 2. (a.) =อื่นๆ
russe [ รึส (เซอ)] (a.n.) ={แห่งประเทศ,ชาว}รัชเซีย
siècle [ซีแอ(เกลอ)] (nm.) =ศตวรรษ,สมัย,ยุค
parfois [ปาร์ฟัว] (ad.) =บางครั้ง,บางที,ตามโอกาส

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2550

Pic แมว น่ารักๆ+เฮฮานิสหน่อย



















แมวมีชื่อเรียกทั่วไปในภาษาลาตินว่า "เฟลิส คาตัส" (Felis Catus) ไปเจอมาจากบทความหนึ่งอ่านะ อ่านๆไว้ก็ดี
แมว มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Felis Catus นักชีววิทยาค้นพบว่า บรรพบุรุษของแมวถือกำเนิดขึ้นกว่า 50 ล้านปีมาแล้ว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และกินเนื้อเป็นอาหาร เรียกว่า Miacis และได้วิวัฒนาการขั้นมาจนเริ่มมีลักษณะคล้ายแมวเมื่อ 10 ล้านปีก่อน มีขนาดและรูปร่างใกล้เคียงกับแมวป่าที่มีเขี้ยวขนาดใหญ่ เรียกว่า Dinistis
ต้นตระกูลของแมวบ้านจริงๆนั้น แยกออกมาจากตระกูลของ เสือไซบีเรียน และแมวพื้นเมืองต่างๆ ในปัจจุบันสายพันธุ์แมวถูกรวบรวมไว้ถึง 36 ตระกูล 51 ชนิด (รวมทั้งสิงโตและเสือต่างๆด้วย)
ต่อมาถึงยุคอียิปต์โบราณ ประมาณ 4,000 กว่าปีก่อน พวกชาวนาได้นำแมวป่า (แมวพื้นเมืองของอียิปต์) มาฝึกให้เชื่อง เพื่อใช้จับหนูในโรงนาและเมื่อหนูในโรงนาหมดไป ก้อทำให้ผลิตผลและพืชพันธุ์มีความเสียหายน้อยลง ประชาชนก็มีอาหารอุดมสมบูรณ์ขึ้น และไม่มีโรคภัยที่เกิดจากหนูอีกด้วยชาวอียิปต์จึงนับถือแมวเป็นสัตว์เทพเจ้า
ชาวอียิปต์นับถือเทพเจ้า "Bastet" (เทวีบัสเตต) ซึ่งมีตัวเป็นคน แต่มีหัวเป็นแมว เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก และความอุดมสมบูรณ์
นอกจากชาวอียิปต์จะใช้แมวจับหนูในโรงนาแล้ว ยังใช้แมวจับหนูบนเรือสินค้าอีกด้วย ตรงจุดนี้ เลยเกิดความเชื่อว่า เมื่อเรือเทียบท่า แมวก็ลงจากเรือ แต่ไม่ได้กลับขึ้นเรือจึงทำให้แมวขนาดพันธุ์ไปทั่วโลก
ชาวอียิปต์โบราณนั้นนับถือแมวถึงขนาดแมวในบ้านตาย ยังต้องนำไปทำมัมมี่เลย (มัมมี่คนจะทำเฉพาะราชวงศ์และขุนนางเท่านั้น) มัมมี่แมวสามารถหาดูได้ที่พิพิธภัณฑ์ในประเทศอังกฤษ
ในเมื่อแมวเป็นสัตว์เทพเจ้าของอียิปต์โบราณ จึงมีกฎ หากใครฆ่าแมว จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก
[อยากให้พวกที่กินแมว--มันโดนจิงๆ]
พวกที่ต้องการยึดครองอาณาจักรอียิปต์โบราณ จึงใช้วิธีชั่วร้าย "อุ้มแมวไปรบ" แล้วพวกทหารอียิปต์จะสู้ได้อย่างไร (เป็นส่วนหนึ่งของการรบอียิปต์ไม่ได้ล่มสลายเพราะแมว) แต่ถึงอียิปต์โบราณจะล่มสลายไปแล้ว ชาวอียิปต์ในสมัยก่อนยังนับถือบูชาแมวเหมือนเดิม ขนาดชาวโรมันบางคน (สมัยนั้นโรมันปกครองอียิปต์) ฆ่าแมวยังถูกพวกอียิปต์ลงโทษเลย
ต่อมาเข้าสู่ยุคกลางในยุโรป มีความเชื่อเรื่องแม่มด และความชั่วร้ายต่างๆ ชาวยุโรปในยุคนี้กล่าวหาว่า แมวเป็นสัตว์เลี้ยงของแม่มด (โดยเฉพาะแมวดำ) ดังนั้นใครเลี้ยงแมว จะถูกประณามว่าเป็นแม่มดร้าย ยิ่งเป็นคนแก่เลี้ยงแมวยิ่งแล้วใหญ่ พวกนี้มักจะโดนเผาทั้งเป็น ทั้งคนและแมว ดังนั้นเมื่อแมวน้อยลง จึงทำให้มีหนูมากขึ้น ทำให้กาฬโรคระบาดหนักในยุโรปช่วงนั้น
ในยุคใกล้ๆกัน แถบเอเชียอย่างญี่ปุ่นกับจีน เริ่มเลี้ยงแมวกันมากขึ้นจากเดิมที่เคยเลี้ยงอยู่แล้ว และที่ญี่ปุ่นก็ยังใช้แมวเป็นสัญลักษณ์นำโชคอีกด้วย จะเห็นได้จาก "แมวกวัก" ที่ใช้กันตามร้านค้า จะใช้กวักลูกค้า หรือกวักเงินก็แล้วแต่ท่าทางของแมวตัวนั้น และที่จีนก็เชื่อว่า แมวเป็นสัตว์นำโชค เพราะว่าแมวจะเข้ามาอยู่ในบ้าน ก็ต่อเมื่อมันพอใจที่จะอยู่เท่านั้น เมื่อมันเข้ามาอยู่แล้วเจ้าของบ้าน มักจะมีโชคลาภมา
ในประเทศไทยก็เริ่มมีการเลี้ยงแมวมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เลี้ยงไว้เพื่อใช้จับหนูเหมือนกับชาวอียิปต์นั่นแหละ จนมีตำราแมวให้คุณ-ให้โทษ
แมวไทยคู่แรกที่ออกจากประเทศไทย ไปสู่สายตาชาวโลก ถูกนำออกไปโดย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ทรงประราชทานให้กับ Mr. Owen Gould กงศุลอังกฤษประจำกรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. 2427 ซึ่งได้นำแมวคู่นี้ไปให้น้องสาวที่อังกฤษ แมวไทยคู่นี้เป็นแมววิเชียรมาศแต้มสีครั่ง และในปี พ.ศ. 2428 แมวไทยคู่นี้ถูกส่งเข้าประกวดในงานแมวที่ The Crystal Palace ณ ประเทศอังกฤษ ผลการประกวด ปรากฏว่า แมวไทยคู่นี้ชนะเลิศในการประกวด จากการประกวดครั้งน ี้ทำให้ชาวอังกฤษนิยมเลี้ยงแมวไทยมากขึ้น และได้จัดตั้ง The Siamese Cat Clubs ขึ้นในปี 2443 และ The Siamese Cat Society of the British Empire ขึ้นในปี พ.ศ. 2471
หลังจากที่แมวไทยคู่นี้ได้ทำเชื่อเสียง ในอังกฤษ ร.5 ทรงเห็นว่า แมวไทยเป็นสัญลักษณ์ ที่สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักของประเทศทั่วโลก จึงได้พระราชทานแมวไทย ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน หลายประเทศ และจากสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำนั้น ทำให้แมวไทย และประเทศไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเลยทีเดียว