วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ตังค์หาย 1 บาท ช่วยหาหน่อยดิ !

อ่านดีๆๆๆๆ นะ

มีลูกค้า 3 คนไปกินก๋วยเตี๋ยว ชื่อ หมู ลิง โด้ สั่งก๋วยเตี๋ยวมา 3 ชาม อาแปะบอก "ล่าย ล่ายเลยทุกคง"
พอก๋วยเตี๋ยวมา ก็กินกันจนหมด จึงเรียกอาหมวยมาเก็บตังค์ อาหมวยบอกว่า "ชามละ 15 บาท 3 ชาม รวมเปง 45 บาท" ทั้ง 3 คนก็ควักตังค์จ่ายไปคนละ 15 บาท
แต่พอหมวยเอาตังค์ไปให้อาแปะ อาแปะบอกว่า "เค้ามากิงบ่อยแล้ว ลดให้ 5 บาทละกัง"
อาหมวยจึงถือตังค์มา 5 บาทมาคืน โด้กลัวหารไม่ลงตัว เลยเอาไปแค่ 3 บาทเพราะจะได้หารลงตัว 3 คน คือคนละ 1 บาท ที่เหลือ 2 บาทเลยให้เป็นทิปอาหมวยไปแต่เมื่อลองมาคำนวณอีกที จ่ายไปคนละ 15 บาท ได้คืนมาคนละ 1 บาท สรุปจ่ายไปคนละ 14 บาท
14 บาท 3 คน = 42 บาท บวกกับทิปที่ให้ไป 2 บาท
แล้วทำไมตังค์มันหายไป 1 บาทเนี่ย คิดๆๆๆๆซิ พี่น้อง !!!!

ที่มา :คุณ ^+-+~แฮมเตอร์~+-+^ :http://www.dek-d.com/board/view.php?id=959458

เฉลย

ก็จ่ายไป 3 คน 45 บาทใช่ไหมได้คืน คนละ บาท ก็ เหลือจ่ายคนละ 14 บาท 3 คนก็ 42 ค่าก๋วยเตี๋ยว ที่ลดแล้ว 40 บาท ทิปอีก 2 บาท 45 บาท คือที่จ่ายตอนแรก แต่สุทธื คือ จ่าย 42 บาท

-*-

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ทำไม?? ทีวีไม่มี "เลขคู่" คุณรู้มั้ย

ต้องทำความเข้าใจกับพื้นฐานเรื่องการรับสัญญาณโทรทัศน์ก่อน คือ การรับสัญญาณภาพซึ่งคล้ายกับการรับสัญญาณเสียง แต่การรับสัญญาณภาพมีรายละเอียดมากกว่า ยกตัวอย่าง เช่น การรับสัญญาณวิทยุจากปีกอากาศมีสัญญาณเครื่องส่งที่ส่งไปสะท้อนกับตึกหรือภูเขา แล้วกลับมาเข้าเครื่องสัญญาณมี 3 ทางด้วยกัน คือ เส้นทางที่ 1 จากเครื่องส่งตรงเข้าเครื่องรับ เส้นทางที่ 2 และ 3 จากเครื่องส่งไปสะท้อนกับตึกและภูเขา แล้วค่อยเข้าไปยังเครื่องรับ ทั้งนี้ จะเห็นว่าระยะทางของคลื่นสะท้อนมีระยะทางมากกว่า จึงทำให้เดินทางไปถึงเครื่องรับช้ากว่า สมมุติว่าคลื่นตรงระยะทาง 20 กิโลเมตร และระยะทางคลื่นสะท้อนมีระยะทาง 25 กิโลเมตร การเดินทางของคลื่น 300,000 กิโลเมตร/วินาที ระยะทางที่เดินทางต่างกันน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับความเร็วของคลื่นที่เดินทาง แต่มนุษย์เราแยกไม่ออก เพราะเสียงที่สะท้อนและเข้ามาทีหลังมีสัญญาณที่คล้ายกัน ขณะที่การรับสัญญาณภาพ หากมีคลื่นสะท้อนจะปรากฏเป็นภาพซ้อนขึ้น ซึ่งตาของมนุษย์สามารถมองเห็นได้ ดังนั้นการส่งและรับสัญญาณภาพจึงต้องจัดระบบและอุปกรณ์ในการรับสัญญาณที่มีทิศทางในการรับที่แน่นอน
โดยต่อมาได้มีการพัฒนาระบบการรับของปีกอากาศในการรับในแบบทิศทางเดียว และเพื่อป้องกันความสับสนในการรับส่งช่องสัญญาณ ประเทศไทยจึงปรับเปลี่ยนช่องสัญญาณใหม่จากส่งสัญญาณโทรทัศน์ครั้งแรกที่กรุงเทพฯ ผ่านความถี่ VHF แบ่งช่องสัญญาณออกมาเป็นช่องๆ คือ ช่อง 2 ความถี่ 47-54 MHz ช่อง 3 ความถี่ 54-61 MHz ถึงช่อง 5 ความถี่ 174-181 MHz
จะเห็นได้ว่าช่องสัญญาณแต่ละความถี่แบ่งออกเป็นแต่ละช่อง ช่องโทรทัศน์ก็เลยเอาชื่อของช่องผ่านความถี่ VHF ตั้งชื่อช่องโทรทัศน์ 3-5-7-9-11 ปัญหาก็คือเมื่อช่องต่างๆ จะส่งสัญญาณในต่างจังหวัดก็จะต้องมีการสลับช่องส่ง ช่อง 3 ในกรุงเทพฯ เมื่อออกต่างจังหวัดอาจต้องย้ายความถี่ไปส่งเป็นช่อง 6 ช่อง 7 กรุงเทพฯ อาจจะต้องย้ายไปส่งช่อง 12 จึงเกิดความสับสนว่าทำไมจูนความถี่ 224 MHz เป็นช่อง 12 แต่มีโลโก้ของช่อง 7 ออกมา
ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวไม่เกิดแล้ว เพราะโทรทัศน์ทุกวันนี้เป็นระบบ AUTO TONE ค้นหาช่องเอง และเรียงช่องให้อัตโนมัติ ถึงเวลาก็เปลี่ยนช่อง ไม่ต้องไปสนใจว่าความถี่อะไรเป็นช่องอะไร ในปัจจุบันได้มีโทรทัศน์เพิ่มขึ้นมาอีกย่าน UHF ได้สัมปทานช่อง 29 (ITV หรือเดี๋ยวนี้คือ TITV) ความถี่ 534-542 MHz หากตั้งชื่อของช่องสถานีเป็นชื่อช่อง 29 คงจะปวดหัวน่าดู เฉพาะในกรุงเทพฯ ก็ส่งไป 3 ช่องความถี่ คงต้องมีการแจกเอกสารชี้แจงเรื่องความถี่ไม่ตรงกับชื่อช่องวุ่นวาย จึงมีการตั้งชื่อเองว่า ITV จะส่งช่องอะไรก็ได้ (ในช่วงแรกๆ ส่ง 3 ช่องสัญญาณ 26, 29, 34)